รถสตาร์ทไม่ติด ทุกคนคงเคยประสบกับเหตุการณ์นี้มาก่อนหงุดหงิดไม่ใช่น้อย เป้นเรื่องชวนหัวเสียมากๆ เรามาดูกันว่าสาเหตุของรถสตาร์ทไม่ติดมันเกิดจากอะไร
อาการรถสตาร์ทไม่ติดเกิดจาก 4 สาเหตุหลัก
- แบตเตอรี่เสื่อม
- ไดชาร์ทเสื่อม
- มอเตอร์สตาร์ทเสื่อม
- ระบบไฟฟ้ามีปัญหา
วันนี้ทาง SURE2CAR by กฤษฎากู๊ดคาร์ ขอแนะนำวิธีการตรวจเช็ค ว่ามาจากสาเหตุไหนกัน
แบตเตอรี่เสื่อม
อาการแบตเตอรี่เสื่อมคือตัวแบตเตอรี่ไม่สามารถเก็บประจุไฟไว้ได้นาน แบตมีอาการรั่วของไฟจนแบตหมดในระยะเวลาอันสั้น อาการแบตเสื่อมมีหลายระดับไม่เท่ากัน แบตที่เสื่อมไม่มากจอดรถทิ้งไว้เกิน 8 ชั่วโมงก็เริ่มสตาร์ทยาก แต่ถ้าแบตที่เสื่อมมากๆนั้นจอดทิ้งแค่ 2 ชั่วโมงก็สตาร์ทไม่ติดแล้ว
วิธีสังเกตุว่าแบตเตอรี่รถยนต์เราเริ่มเสื่อมหรือยังให้สะงเกตุตอนที่เราสตาร์ท ถ้าเราเริ่มสตาร์ท มีเสียงแชะๆ ลากยาวกว่าจสตาร์ทได้ หลังจากจอดรถทิ้งไว้นานๆ วิธีแก้ไขเบื้องต้นด้วยการพ่วงแบตเตอรี่กับคันอื่น
ไดชาร์จเสื่อม
อาการไดชาร์จเสื่อมน่าจะเป็นหนักกว่าแบตเตอรี่เสื่อม เพราะอาการคล้ายกันมาก แต่มีจุดที่แตกต่าง คือ รถดับเองขณะรอบต่ำ หรือวิ่งอยู่แล้วดับ
ไดชาร์จเสื่อมไม่มาก เวลาจอดรถทิ้งไว้นานๆ รถก็จสตาร์ทไม่ติดเหมือนกัน วิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการพ่วงแบต เรามีวิธีเช็คไดชาร์จเสื่อมได้ง่าย ๆ โดยสตาร์ทรถทิ้งไว้ครู่นึง แล้วถอดขั้วแบตออกข้างหนึ่ง หากรถดับหรือไฟตก รถกระตุก แสดงว่าเกิดจากไดชาร์จเสื่อม
เพราะหน้าที่ของไดชาร์จคือปั่นไฟเลี้ยงรถและชาร์จแบตเก็บเข้าแบตเตอรี่ แต่ถ้าถอดขั้วแบตออกไฟจากไดชาร์จก็จะยังเลี้ยงระบบไฟรถได้คือปกติ
มอเตอร์สตาร์ทเสื่อม
แต่ถ้าในกรณ์สตาร์ทรถไม่ติด ลองพ่วงแบต หรือนำแบตเตอร์ลูกใหม่มาเปลี่ยนก็ไม่หาย แต่เข้าไปดูที่แผงหน้าปัดมีไฟแเตือนแบต สตาร์ทแล้วยังมีเสียงแชะ หรือเงียบสนิท ให้คิดไว้เลยว่าเป็นที่มอเตอร์สตาร์ท
ระบบไฟฟ้ารถมีปัญหา
อาการนี้ดูแล้วว่าเกิดอยาก แต่ก็เป็นไปได้ อาการดูง่ายมากคือ บิดกุญแจแล้วไม่มีไฟขึ้นเลย ส่วนใหญ่จะเกิดเพราะจอดรถไว้นานๆ แล้วมีสัตว์จำพวกหนูมากัดสายไฟขาด
ตรวจเช็คเบื้องต้น ลองพ่วงแบตดูก่อน ถ้าไม่มีอาการตอบสนองก็แสดงว่าเป็นกรณีนี้แน่นอน
ยังไงก็แล้วแต่มันก็ขึ้นอยู่กับการตรวจเช็คความพร้อมของเราด้วย
ทริปและทริกดีๆจาก ทีมงาน กฤษฎากู๊ดคาร์