ลักษณะการทำงานของลูกสูบเครื่องยนต์มีแบบไหนบ้างมาทำความรู้จักกัน

แน่นอนว่า ไม่มีใครไม่รู้จักหรือไม่เคยเห็นเครื่องของรถยนต์ แต่รู้กันไหมว่า การออกแบบลักษณะทำงานของลูกสูบเครื่องยนต์ทำไมบางยี่ห้องถึงได้ ถึงได้มีการออกแบบที่ต่างกัน แล้วเหตุผลของการออกแบบเหล่านั้นคืออะไร?  มีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไรบ้าง? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักและเจาะลึกกันเข้าไปให้ถึงว่าการออกแบบ จะมีลักษณะข้อดีข้อเสียต้างกันอย่างไรบ้าง

เครื่องยนต์แบบ Inline Engine

เครื่องยนต์แบบ Inline Engine หรือเรียกที่เราเรียกกันว่า ลูกสูบเรียงนั่นเอง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเจอสูบเรียงมากกว่าด้วยความที่ว่าประเทศไทยเราเป็นเมืองที่มีรถกระบะดีเซลและรถยนต์ขนาดเล็กเป็นจำนวนมาก เราจึงเห็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ลูกสูบแบบ Inline จนคุ้นตา และเครื่องยนต์แบบ Inline Engine นั้นจะมีพละกำลังในการขนของที่มากกว่าเพราะความได้เปรียบในเรื่องศูนย์ถ่วงของโลก และใช้ชิ้นส่วนน้อย ดูแลรักษาง่าย ราคาไม่สูงมาก

เครื่องยนต์แบบ V Engine

เครื่องยนต์ V Engine หรือเรียกกันติดปากว่า สูบวี เป็นเครื่องยนต์ที่ทำความเร็วได้สูงมากมักจะพบได้ในรถสปอร์ทหลายๆยี่ห้อเหตุผลที่เครื่อง V Engine นั้นสามารถทำความเร็วได้สูงนั้นก็คือ การวางลูกสูบในแนวเฉียง จึงทำให้ช่วงชักของก้านกระบอกสูบนั้น มีความยาวกว่าแบบอื่นๆ แต่ในข้อดีนั้นก็มีข้อเสียเช่นกัน ทำให้การออกแบบเครื่องยนต์นั้นมีลักษณะที่อ้วนใช้พื้นที่มากกว่าเครื่องอื่นๆ และใช้ชิ้นส่วนมากจึงทำให้ดูแลรักษายาก

เครื่องยนต์แบบ Flat Engine

เครื่องยนต์แบบ Flat Engine หรือมักจะเรียกกันว่า สูบนอน เป็นเครื่องยนต์ที่มีจุดเด่นในเรื่องของ Balance ที่มากที่สุดในทุกๆแบบในการทำงานของเครื่องยนต์ และมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำมาก จริงๆแล้วเครื่องยนต์แบบ Flat Engine นั้นเป็นเครื่องที่มีการพัฒนามานานแล้ว แล้วแต่พึ่งมาโด่งดังและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในนามของเครื่องยนต์ Boxer ที่อยู่ภายใน Subaru BRZ หรือ Model เดียวกันกับ TOYOTA GT86 ที่ TOYOTA ร่วมจับมือกันกับ Subaru พัฒนา Flat Engine ให้ถึงขีดสุด เรียกได้ว่า เครื่องยนต์ Flat Engine เป็นเครื่องยนต์ที่มีการทำงานที่นิ่งที่สุดก็ว่าได้

เครื่องยนต์แบบ Rotary Engine

เครื่องยนต์แบบ Rotary Engine หรือ เครื่องยนต์วันเคล (Wankel engine) หรือเรียกติดปากว่า สูบสามเหลี่ยม ถูกคิดค้นครั้งแรกโดยนาย เฟลิกซ์ วันเคล (Felix Wankel) ชาวเยอร์มันนี (ไม่ใช่ Mazda เป็นผู้คิดค้นอย่างที่เข้าใจ) ซึ่งจุดเด่นนั้นและในเรื่องของการได้เปรียบนั้นเรื่องจำนวนรอบต่อนาทีที่สูงมาก (high revolutions per minute) และอัตราส่วนของน้ำหนัก (power to weight ratio) ที่สูง ภายใต้หลักการ วัฏจักรสี่จังหวะ (four-stroke cycle) ที่เกิดขึ้นภายในห้องเผาไหม้ที่มีลักษณะเป็นวงรี โดยลูกสูบนั้นจะมีลักษณะแบบสามเหลี่ยมรูโลซ (Reuleaux triangle) ที่มีผิวด้านข้างที่ค่อนข้างราบเรียบ บริษัท Mazda ได้นำมาพัฒนาต่อยอดจนมีชื่อเสียงในด้านรถสปอร์ท และ รถแข่ง